บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก พฤษภาคม, 2018

ทำไมต้องสวดมนต์ ?

รูปภาพ
“การสวดมนต์” หรือการสวดภาวนานั้น เป็นพิธีกรรมที่มีในทุกศาสนา ซึ่งอาจมีความแตกต่างกันในด้านของความเชื่อ ความศรัทธา   แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แม้แต่ละศาสนาจะมีความแตกต่างกันทางด้านความคิด   ประเพณี และพิธีกรรม   แต่วัตถุประสงค์ของการสวดมนต์ภาวนานั้น กลับมีความคล้ายคลึงกัน คือ   “การปรับอารมณ์ของใจ” ด้วยการยึดเหนี่ยวคำสอนเป็นที่พึ่ง เพื่อให้จิตใจเกิดความเข้มแข็ง พร้อมที่จะเผชิญหน้าและสู้กับทุกปัญหาที่ผ่านเข้ามาในชีวิต  การสวดมนต์ จึงไม่ใช่เป็นเพียงแค่การประกอบพิธีกรรมทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางด้านจิตใจได้ดีอีกทางหนึ่ง   และแน่นอนว่าเมื่อเรามีสุขภาพทางใจที่ดี ก็ย่อมส่งผลต่อสุขภาพทางกายเช่นกัน    จึงไม่น่าแปลกใจที่ทุกวันนี้ ทางการแพทย์สมัยใหม่จะนำเอาวิธีการ  สวดมนต์บำบัด (Vibrational Therapy) มาเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาผู้ป่วยทั้งทางร่างกายและจิตใจควบคู่กันไป      การสวดมนต์บำบัด คือหลักการหนึ่งของ Vibrational Therapy หรือ Vibrational Medicine คือการใช้คุณสมบัติของคลื่นบางคลื่...

เมื่อโซเชียล คือภัยร้ายที่คุกคาม !!!

รูปภาพ
  ปัจจุบันนี้โลกเราเป็นกระแสของสังคมโซเชียล   การสื่อสารทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็ว ข่าวบางข่าว   ข้อความบางข้อความสามารถแพร่กระจายไปสู่คนอื่นๆได้อย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่คนรอบตัว หรือคนในประเทศเราเท่านั้น แต่ยังสามารถกระจายไปสู่คนทั่วโลกได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที     ด้วยเหตุนี้การสื่อสารบนโลกออนไลน์จึงมีทั้งด้านดีและความน่ากลัวที่แฝงมาพร้อมๆกัน   หนึ่งในภัยร้ายที่ปรากฏ คือ การกลั่นแกล้ง หรือคุกคามบุคคลอื่นผ่านทางโลกออนไลน์  ที่เรียกว่า “ Cyberbullying ” ซึ่งเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือคุกคามบุคคลอื่นผ่านเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยวิธีการซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยการไตร่ตรองไว้แล้วของตัวผู้กระทำ ซึ่งกระทำได้ด้วยการปล่อยข่าวลือ หรือเผยแพร่เนื้อหา คลิปวีดีโอ เพื่อทำลายชื่อเสียงหรือทำให้เกิดความอับอายขายหน้าของบุคคลอื่นบนอินเทอร์เน็ต  ซึ่งถือเป็นการคุกคามที่เริ่มพบเห็นมากขึ้นในปัจจุบัน     ผลร้ายแรงที่สุดที่ปรากฏคือ มีผู้ตกเป็นเหยื่อที่รู้สึกอับอายจนถึงขั้นฆ่าตัวตายไปแล้ว    การกระทำเช่นนี้ม...

พูดแบบไหน จึงเป็นศรีแก่ตัว ??

รูปภาพ
 การพูด เป็นหนึ่งในวิธีการสื่อสารที่เราใช้กันมากที่สุดในชีวิตประจำวันแทบทุกลมหายใจเข้าออก ในแต่ละวันคงไม่มีใครที่ไม่ใช้คำพูดในการติดต่อสื่อสาร หรือสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น   การพูด จึงเป็นวิธีการสื่อสารที่ทำให้เราเข้าใจง่ายที่สุด   ชัดและตรงประเด็นที่สุด   เมื่อการพูดเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราในแต่ละวัน    “คำพูด” ที่หลุดออกมาจากปากจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ให้ทั้งผลดี และผลร้ายแก่ตัวผู้พูดเอง  สำนวนที่ว่า “พูดดีเป็นศรีแก่ตัว”   จึงเป็นการเตือนเรื่องการเลือกใช้คำพูดทั้งชายและหญิง   หากพูดดี ย่อมเป็นผลดีแก่ตัวผู้พูด ทำให้มีคนรักคนเมตตา   แต่หากพูดไม่ดี อาจสร้างความเกลียดชังให้แก่คนฟัง และนำความเดือนร้อนมาสู่ตัวเองได้     คำพูดที่ดีนั้นต้องเป็น “ปิยวาจา”   คือ การพูดจาด้วยถ้อยคำที่ไพเราะอ่อนหวาน สุภาพ   และ คำพูดนั้นต้องเป็นคำที่ควรพูด   เป็นคำจริง   เรื่องที่พูดต้องมีประโยชน์แก่คนฟังด้วย   หลายคนมีความเข้าใจผิดคิดว่า   คำพูดที่ไพเราะอ่อนหวานนั้นต้องเป็นการพูดจาแบบออดอ้อน ออเซาะ   ...

คนแบบไหนที่เราควรอยู่ใกล้ๆ

รูปภาพ
  ท่ามกลางคนมากหน้าหลายตา  บางคนอาจมีเพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คน  ในขณะที่บางคนอาจมีเพื่อนมากมายหลากหลายประเภท    ในขณะที่เราคบหาคนเหล่านั้นเป็น "เพื่อน"  เราเคยคิดบ้างไหมว่าการพูดคุย หรือให้ความสนิทสนมของแต่ละคนควรมีขอบเขตแค่ไหน  แล้วมีอะไรเป็นตัวชี้วัดว่าเราควรให้ความไว้วางใจใครได้บ้าง ?   สุภาษิตบทหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า "คบคนพาล พาลพาไปหาผิด   คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล"   เป็นการสอนในเรื่องการคบคน ...เราเลือกคบคนแบบไหน เราก็จะเป็นแบบนั้น   เมื่อพูดอย่างนี้ หลายๆคนอาจจะแย้งขึ้นมาว่า    "ฉันคบคนได้ทุกประเภท   ดี เลว อย่างไรคบได้หมด    ถ้าฉันรู้ว่าเพื่อนคนนี้ไม่ดี ฉันก็แค่กิน แค่เที่ยวกับมัน   ไม่เห็นจะต้องทำตัวให้แย่ๆแบบนั้นเลย"   "ฉันก็เป็นของฉันอย่างนี้ ไม่มีใครสามารถทำให้ฉันเป็นคนเลว หรือคนดีได้ นอกจากตัวฉันเอง" หากใครที่กำลังคิดแบบนี้อยู่   ขอให้ หยุด ! ลองอ่านบทความนี้แล้วกลับไปคิดทบทวนใหม่อีกครั้ง ทำไมจึงได้มีคำกล่าวว่า "เราคบคนเช่นไร เราก็จะเป็นเช่นนั้น "...